วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประวัติโดยสังเขป

หงไฮเอ๋อ (ภาษาจีนกลาง) หรือ อั่งฮาหยี เป็นบุตรของ อ๋องควาย กับ องหญิงพัดเหล็ก องค์หญิงพัดเหล็กอยากมีบุตรจึงไปขอกับเจ้าแม่กวนอิมว่า ขอบุตรชายแล้วนางจะกินเจให้ เจ้าแม่กวนอิมเห็นว่านางตั้งใจจริงจึงประทานบุตรมาให้ ชื่อว่า หงไฮเอ๋อซึ่งสามารถพ่นไฟได้ มีผ้าแพร(จะเล่าตอนท้ายว่าที่มาของผ้าแพรเป็นมายังไง) รองเท้าขิงของพ่อสามรถเหอะเหินเดินบนอากาศได้ มีล้อไฟบรรไรกรรณ (ของหลี่โหลอเชียเป็นหงไฟกับหงลมคนละอัน กับ อั่งฮาหยี) มีทวนเป็นอาวุธ และต่อมาพระธังสำจังจะไปอันเชินพระไตรปิฎก และจำเป็นต้องผ่านทางหุบเขาที่ร้อนระอุด้วยไฟของนรก และพระภูมิเจ้าที่ได้บอกว่ามีทางเดียวที่จะผ่านไปได้คือต้องไปยืมพัดเหล็กขององหญิงพัดเหล็กมาพัด ธังสำจังจึงบอกกับลิงว่าให้ไปยืมพักจางองหญิงพัดเหล็กมาแต่พอลิงไปถึง และขอยืมพัดองหญิงพัดเหล็กก็ได้ต่อว่าดุด่าว่าเป็นแค่ลิงกล้ามาขอพัดจากนาง นางจึงโบกพัดทำให้ลิงปลิวไปไกลหลายหลี้ ลิงกลับมาใหม่แล้วแปลงกายเป็นอ๋องควาย แล้วขอยืมพัดนาง นางก็ให้แต่โดยดี เป็นจังหวะเดียวที่อ๋องกระทิงกลับมาพอดี จึงได้สู้ลบกันลิงจึงโบกพัดทำให้อ๋องความกับองหญิงพัดเหล็กปลิวไป พออั๋งฮาหยี่มาเห็นจึงได้สู้กันอั่งฮาหยี่พ่นไฟจนทำให้ลิงตาบอด และอั่งฮาหยี่ได้พัดกลับคืนมาด้วยความที่โกรธยังไม่หายจึงได้ออกกลอุบายหาวิธิจะจับธังสำจังกัน เมื่อเจ้าแม่กวนอิมได้รู้ข่าวจึงให้ดอกวักับธังสำจังให้ไปวางในหนองน้ำ พออั่งฮาหยี่พ่นได้เด็นดอกบัวที่ใหญ่มากด้วยความที่เป็นเด็ก และไม่เคยเห็นดอกบัวที่ใหญ่มากจึงกระโดขึ้นไปเล่น แล้วดอกบัวก็หุบเหลือแต่หัว ข่างในดอกบัวร้อนดั่งไฟนรมแผดเผา เจ้าแม่กวนอิมก็ลงมาบอกว่าสำนึกผิดหรือยัง เจ้าแม่กวนอิมสั่งสอนจนอั่งฮาหยี่สำนึกพิดและยอมที่จะขึ้นสวรรค์ไปเป็นศิจเจ้าแม่กวนอิม และได้ทำพิธีเดินสามก้าวแล้วขุกเข่าขอคมาต่อสิ่งที่ตนได้ล้วงเกิน (ภาษาจีนว่าอะไรแล้วก็ไม่รู้แล้วจะหามาให้) จนขึ้นสวรรค์ไปและได้เปลี่ยนชื่อเป็น เซียนจ่ายต่องจือ แปลว่า รู้บรรลุขั้นเซียน และได้ศึกษาเล่าเรียนวิชากับเจ้าแม่กวนอิมจนบรรลุอีกขั้นชื่อว่า หยีนหยีไท่จือ แปลว่า เทพบุตรที่รู้แจงเรืองสวรรค์ แล้วผ้าแพร อะที่จริงมีไม่กี่องหลอกครับที่มี เทพที่ได้ผ้าแพร ก็คือ เทพที่เกิดเป็นเทพโดยกำเนิดไม่ได้บำเพ็นเพียนจนเป็นเทพถึง แต่สมัยนี่พระเกีอบทุกองค์มีผ้าแพรกันหมดแล้วอันนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน อั่งฮาหยี่มีทั้งหมด 73 ป้าน มีชื่อตอยมาเกิดเป็นลูกของ อ๋องควาย กับ องค์หญิงพัดเหล็ก คือ ชื่อจริงคือ อั่งหยี่ไท่จื้อ แปลว่า เทพบุตรกายสีแดง ตั่งตามสีผิวของแก และชื่อเล่นคือ อั่งฮาหยี่ อั่งฮาหยีเป็นเพื่อน กับ หลี่โหลเฉีย และเคยสู้ลบกับ ลิง,เอี่ยวเจี้ยน หรือเทพสามตา แต่ถ้าจะให้เล่าขี่คงอีกยามจึงขอจบเท่านี้แล้วกัน

วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประวัติองค์ชายอั้งไห้ยี่กง

กิมท้ง หรือส่านไฉ ผู้รับใช้ฝ่ายชายของเจ้าแม่กวนอิม มีชื่อไทยว่าสุธนกุมาร เปนบุตรของผู้เฒ่าฝู่เฉิง วันหนึ่งพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ได้มาโปรด กิมท้งจึงตั้งใจว่าจะสำเร็จเป็นพระดพธิสัตวืให้ได้ จึงติดตามพระแม่กวนอิม
บ้างก็ว่าเป็นเด็กชื่อ เซิ่นอิน เป้นเด้กที่วุกซนวันหนึ่งเห็นพระธิดาเมี่ยวซ่าน(เจ้าแม่กวนอิม)นั่งสมาธิอยู่เกืดนึกสนุกจึงไปหยิบไม้เคาะบักหือมาตีศรีษะของเมี่ยวซ่านไต้ซือ ขระนั้นจิตญาณของพระองค์ถูกควันปิดทางไว้ทำให้ไม่สามารถออกจากร่างได้ขณะนั้นเซินอินได้ตีศณีษะของพระองคืทำให้จิตญาณออกจากร่าง เซินอินได้ช่วยให้เมี่ยวซั่นไต้ซือสำเร้จจึงถูกแต่งตั้งเป็น ซ่านไฉถงจื่อ
พระโพธิสัตว์ในรูปนั้นทรงอยู่ในปางประทานบุตรทรงอุ้มพระกุมาร(กิมท้ง)ไว้ในพระอุระ พระกุมารดังกล่าวก็ถือลงในหมวดกิมท้งเช่นกัน( กิมท้ง นั้นเป็นชื่อตำแหน่งของพระกุมารชาย กิมท้งแต่ละพระองค์จะทรงพระนามว่าอะไรนั้น ผู้เขียนมีข้อมูลไม่เพียงพอ ในจริยะเทวาอริยะฐานะของสายธรรมโซยที(สายธรรมของโกวเนี้ย) ได้กล่าวว่า ทิพยวิมานได้แบ่งเทพเทวาเป็น 24 หมวด อาทิ เทวาหมวดอักษร(เจี้ยวฮว่า) เทวาหมวดจริยะระเบียบ(หลี่กุย)เทวาทิพยบัลลังค์ เป็นต้นใน 24 หมวดนี้ ทพเซียนต่างต้องรับผิดชอบในภาระหน้าที่ของตน แต่หน้าที่บนพระวิมานนั้นหาได้มีเพราะเง็กเซียนเป็นผู้ประทานให้ แต่เป็นเพราะการตั้งปณิธานของผู้บำเพ็ญปฏิบัติเองตั้งแต่ยังอยู่ในโลกมนุษย์ เช่น ในตอนมีชีวิตอยู่ได้ตั้งปฌิธานเผยแพร่ธรรมะ แสดงวิถีทางแก่มหาชน ครั้นเมื่อดับสังขารนี้ไป ก็ไปเสวยฐานะเป็นพระเทวาหมวดจริยะระเบียบ คอยเป็นธรรมโฆษกเทพ ประกาศพระสัทธรรมบนทิพยวิมาน) พระกุมารเทพอั๊งไห้ยี๊ (ภาษาจีนกลางออกเสียงว่า หงไหเอ๋อ) หมายถึงพระกุมารแดง ทรงอาภรณ์สีแดง มีศาตราวุธประจำพระองค์คือ ทวนยาว สามารถพ่นไฟที่มีอำนาจร้ายแรง มีของวิเศษได้แก่ รองเท้าที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ อั๊งไห้ยี๊ จัดเป็นพระกุมารที่คนรู้จักกันมากที่สุดพระองค์หนึ่งในกลุ่มพระกุมาร 6 พระองค์ได้แก่ 1จินจา 2 มู่จา 3 นาจา 4 ซ่านไฉ 5 หลงหนี่ 6 หงไหเอ๋อ พระกุมารเทพ 3 พระองค์แรกเสวยพระภาระตั้งแต่สมัยพระอริยะบุพมาตานึ่งออ (นึ่งออเนี่ยเนี๊ย) สร้างโลก พระกุมารซ่านไฉและหลงหนี่บังเกิดขึ้นในสมัยปลายราชวงศ์โจว เป็นพระอุปัฏฐากพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ส่วนพระกุมารหงไหเอ๋อบังเกิดขึ้นจากตำนานการอัญเชิญพระตรัยปิฎกของพระถังซำจั๋งครั้งเมื่อราชวงศ์ถังได้รวบรวมแผ่นดินจงหยวน(ภาคกลางของจีน)ได้อย่างราบคาบ พระจักรพรรดิ์ถังไท่จง(หลี่ซื่อหมิง)ทรงทำนุบำรุงประเทศชาติเป็นอย่างดี กาลนั้นพระสมณ***นจั๊งผู้คงแก่เรียน ได้ทำการศึกษาพระพุทธคัมภีย์จนแตกฉานในพระไตรปิฎก แต่เนื่องจากเหตุการณ์สงครามเมื่อครั้งต้นพระราชวงศ์ ทำให้วัดวาอารามพระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาถูกเผาทำลายไปเป็นจำนวนมาก พระสมณะเจ้าจึงมีดำริจะไปอัญเชิญพระพุทธคัมภีร์ยังอินเดียเพื่อหวังกลับมาเผยแพร่พระสัทธรรมของพระศาสดาเจ้าให้เวไนยสัตว์ได้รู้ตื่นพ้นจากห้วงทุกข์ พระสมณะเจ้าเป็นพระภิกษุที่มาจากเมืองถังครั้นเมื่อเดินทางกลับมาได้แปลพระคัมภีร์จากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาจีนมากมายจนได้พระสมณศักดิ์เป็นพระธรรมาจารย์ตรีปิฎก(ซำ จั๊ง ฮวบ ซือ)ดังนั้นจึงขนานนามท่านว่า พระถังซำจั๋ง นิทานเรื่องไซอิ๋วนั้นแต่งขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ซึ่งมีระยะเวลา***งไกลจากราชวงศ์ถังหลายร้อยปี ในไซอิ๋วกล่าวว่า ครั้นพระสมณะ***นจั้ง(พระถัง)เดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎก ไปพบภูเขาไฟใหญ่กีดขวางทางอยู่ด้านหน้า ซึงหงอคงจึงรับอาศาไปขอยืมพัดเหล็กจากองค์หญิงพัดเหล็ก เหตุนี้เองจึงทำให้เกิดตำนานอั๊งไห้ยี้ อั๊งไห้ยี๊ เป็นบุตรของอ๋องกระทิงและองค์หญิงพัดเหล็ก เมื่อครั้งที่มารดาตั้งท้องได้ไปขอพระบุตรจากพระโพธิสัตว์กวนอิม พระกวนอิมโพธิสัตว์เห็นว่าเธอตั้งใจรักษาศีลกินเจ จึงได้ประทานพระกุมารน้อยให้บังเกิดในครรภ์ขององค์หญิงพัดเหล็กนั่นเอง ครั้นเมื่อเติบโตขึ้น มีอิทธิปาฏิหาริ์ย์ใช้รองเท้าขิงบิดาเดินน้ำเหาะทยานในอากาศ สามารถพ่นไฟที่ทรงพลานุภาพ มีอาวุธคือทวนยาว แต่อาภัพเพราะบิดาไปมีภรรยาน้อยหลายคนจึงกลายเป็นเด็กมีปัญหา ต่อมาได้คบเพื่อนเลวและถูกยุยงให้ไปฆ่าพระถังมาเพื่อบริโภค พระโพธิสัตว์กวนอิมได้มอบฐานบัววิเศษให้หงอคงนำไปจับตัวอั๊งไห้ยี้ ผลสุดท้ายอั๊งไห้ยี๊ถูกจับตัวและพระถังได้เทศนาจนกลับใจ ส่วนเพื่อนเลวก็ถูกอานุภาพแห่งพระสูตรที่ชื่อว่า ปรัชญาปารมิตาสูตร ครั้นเมื่อพระถังพร้อมลูกศิษย์ร่วมกันภาวนาพระสูตรดังกล่าวเพื่อนมารก็ถึงที่ตาย อั๊งไห้ยี้ตั้งใจสำนึกตัวด้วยความผิดที่ฆ่าประชาชนตายไปในศึกที่สู้กับหงอคง จึงตั้งปณิธานไปบำเพ็ญตัวที่ภูเขาโพ่วท้อซันซึ่งเป็นพระพุทธบรรพตที่พระโพธิสัตว์กวนอิมพำนักอยู่ อั๊งไห้ยี๊เดินทางจากบ้านด้วยวิธี ซาน ขู่ อิ๊ ป่าย(เดิน 3 ก้าวกราบ 1 กราบ )ระหว่างเดินไปกราบไปก็ภาวนา นำมอกวนซืออิมผู่สักด้วย จนไปถึงภูเขา >ตำนานไท้จื้อกราบกวนอิมก้อกำเนิดมาจากตำนานนี้นี่เอง